การเต้นบัลเล่ต์ คือ ศิลปศาสตร์การเต้นรูปแบบหนึ่ง ตามที่ได้กล่าวไว้ในบทความ บัลเล่ต์คืออะไร ซึ่งมีรูปแบบการแสดงแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ การแสดงบัลเล่ต์ที่มีเรื่องราว (Story Ballets) และ การแสดงบัลเล่ต์ที่ไม่มีเรื่องเล่า (Plotless Ballets)
บัลเล่ต์ที่มีเรื่องราว เป็นการแสดงบัลเล่ต์ที่มีการเล่าเรื่อง มีการดำเนินเรื่องผ่านการแสดงท่าทาง มีจุดเริ่มต้นและมีจุดสิ้นสุดของเรื่อง บัลเล่ต์ที่มีเรื่องราวที่เป็นที่รู้จัก เช่น The Nutcracker และ The Sleeping Beauty ซึ่งเป็นการแสดงบัลเล่ต์ที่มีเรื่องราวที่มีชื่อเสียงในช่วงศตวรรษที่ 19 นอกจากนี้ยังมีการนำเรื่องราวคลาสสิกและนวนิยายเช่น The Great Gatsby และ The Three Musketeers มาดัดแปลงเป็นการบัลเล่ต์เช่นกัน
รับชม The Sleeping Beauty
รับชม The Nutcracker
รับชม The Great Gatsby
รับชม The Three Musketeers
การแสดงบัลเล่ต์ที่ไม่มีเรื่องเล่า คือการแสดงบัลเล่ต์ที่ไม่มีพล็อต ไม่มีเนื้อเรื่อง แต่นักแสดงใช้การเคลื่อนไหวของร่างกายและองค์ประกอบการแสดงละครเพื่อตีความดนตรีในการแสดงออกเพื่อสื่อถึงอารมณ์ของดนตรี โดยมี George Balanchine เป็นนักออกแบบท่าเต้น ที่เป็นผู้สร้างบัลเล่ต์ที่มีชื่อเสียงอีกคนหนึ่ง
นอกจากนี้บัลเล่ต์ยังได้รับการพัฒนาจนมีอีกหลายประเภท ได้แก่ Classical Ballet, Neo-Classical Ballet และ Contemporary Ballet
Classical Ballet
คือ บัลเล่ต์ที่เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ซึ่งแบ่งออกเป็นอีก 2 ประเภทคือ Classical Ballet และ Romantic Ballet
ลักษณะของการบัลเล่ต์คลาสสิก คือ มีความสง่างาม มีการเคลื่อนไหวอย่างลื่นไหล มีการใช้เทคนิคเฉพาะเช่น การ Turnout มีการรักษาสมดุลของร่างกาย ส่วนมากเป็นการแสดงที่มีเนื้อเรื่องมีการเล่าเรื่อง และมีการแต่งกายที่ปราณีตงดงาม
Neo-Classical Ballet
ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงศตวรรษที่20 โดยนักออกแบบท่าเต้น George Balanchine โดยมีลักษณะเฉพาะต่างๆ คือ มีการเพิ่มความเร็ว มีการใช้พลังงานในการเคลื่อนไหว มีการแสดงท่าทางที่ไม่มีความสมดุล เป็นการแสดงสั้นๆ ไม่มีการเล่าเรื่อง มีการใช้เครื่องแต่งกายที่เรียบง่าย
Contemporary Ballet หรือบัลเล่ต์ร่วมสมัย
ได้รับอิทธิพลจากการเต้นสมัยใหม่ นักออกแบบท่าเต้นร่วมสมัยที่มีชื่อเสียง ได้แก่ Twyla Tharp, JiříKylián, Paul Taylor, William Forsythe และ Dwight Rhoden ลักษณะของบัลเล่ต์ร่วมสมัย คือ มีการเคลื่อนที่ เคลื่อนไหวอยู่กับพื้น การ Turn-in มีการเคลื่อนไหวที่กว้างและมีท่าทางที่ไม่ตายตัว อาจใส่หรือไม่ใส่รองเท้าสำหรับการเต้นก็ได้
ที่มา:
Pittsburgh Ballet Theatre